วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2557

13 สัตว์น้ำจืดที่น่ากลัวที่สุด


1  ปิรันยา

เจ้าปลาที่มาชื่อเสียงในเรื่องเขี้ยวแหลมๆและการกินน่ากลัวเหล่าปิรันย่านั้นอาศัยอยู่ในแม่น้ำในทวีปอเมริกาใต้เจ้าปลากินทั้งเนื้อและสัตว์เหล่านี้เป็นที่รู้จักกันในเรื่องความดุร้ายการเข้าโจมตีคนของปิรันย่านั้นจะไม่ค่อยเกิดขึ้นถึงแม้ว่าในอดีตจะมีเหล่านักสำรวจจะเข้าไปมากมายก็ตามปิรันย่านั้นคือสัตว์กินซากและนักล่าที่สำคัญในแม่น้ำบ้านเกิดซึ่งพวกมันก็มักจะกินกันเองเมื่ออาหารมีน้อยปิรันย่านั้นแบ่งออกได้มากมายหลายสปีชีส์ซึ่งทุกตัวมีความยาวประมาณ 30-60 ซม.
 
ปลาไหลไฟฟ้า

ปลาไหลไฟฟ้า (Electrophorus electricusนั้นมีบ้านเกิดอยู่ในแม่น้ำอะเมซอนแป่งอเมริกาใต้ พวกมันเป็ญาติใกล้ชิดกับปลาดุกมากกว่าปลาไหลถึงแม้ว่าจะมีหน้าเหมือนๆกันก็ตาม ปลาไหลไฟฟ้าล่าเหยื่อและป้องกันตัวเองโดยกระแสไฟฟ้าแรงสูงถึง 500 โวลท์ที่สามารถฆ่าคนได้ พวกมันสามารถโผล่ขึ้นเหนือน้ำมาหุบอากาศได้ด้วยอวัยวะภายพิเศษ
 
แมงมุมกินนกยักษ์

แมงมุมขนาดใหญ่ที่ 2 ของโลก เจ้าแมงมุมกินนกยักษ์ (Theraphosa blondiนี้เป็นญาติกับทารันทูล่า พวกมันได้ชื่อนี้มาจากการที่นักสำรวจสมัยวิกตอเรียนพบเจ้านี้กินฮัมมิ่งเบิร์ดอยู่ แมงมุมกินนกยักษ์อาศัยอยู่ในป่าฝนทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาใต้ พวกมันมีขายาวได้ถึง 30และอาจจะหนักมากว่า 170 กรัม ถึงแม้ว่าเจ้าแมงมุมนี้จะมีชื่อเรียกว่าแมงมุมกินนก พวกมันก็ไม่ได้กินนกเป็นอาหารหลักแต่เป็นแมลงและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอื่นๆมากกว่า แมงมุมกินนกยักษ์นั้นไม่อันตรายต่อคนแต่พวกมันก็จะกัดถ้าโดนรบกวน ซึ่งการกัดของเจ้านี้ก็เจ็บพอๆกับผึ้งต่อย นอกจากนั้น แมงมุมกินนกยักษ์ก็จะปล่อยขนเพื่อทำความระคายเคืองให้แก่ผิวหนังอีกด้วย
 
ปลาเสือ

เจ้านี้มีถิ่นที่อยู่ในแอฟริกาปลาเสือนั้นคือนักล่าน่ากลัวที่เต็มไปด้วยฟันแหลมๆเจ้านี้มักจะล่าเป็นฝูงและในบางครั้งก็จะกินสัตว์ขนาดใหญ่ปลาเสือนั้นเป็นปลาบิ๊กบอสสำหรับนักตกปลาซึ่งพวกมันหนักได้ถึง 50 กก.
 
จระเข้แม่น้ำไนล์

เจ้าสัตว์เลื้อยคลานที่พบได้ทั่วไปในแอฟริกา (เห็นกันบ่อยๆในสารคดี)จระเข้แม่น้ำไนล์คือหนึ่งในสัตว์ที่ดุร้ายและน่ากลัวที่สุดในโลกปรกติกแล้วตัวผู้จะยาวตั้งแต่ 3.5-5 เมตรแต่ในบางครั้งก็เกิน 5.5 เมตรเจ้าจระเข้เหล่านี้จะเข้าโจมตีอะไรก็ตามที่มีขนาดเท่าๆกันเหรือเล็กกว่าในบางครั้งพวกมันก็ล่าเป็นฝูงซึ่งทำให้สามารถล่าสัตว์ขนาดเท่าๆกับฮิปโปหรือแรดได้ในบางครั้งจระเข้แม่น้ำไนล์ก็จะล่าคนกินซึ่งความตายจากจระเข้นั้นนับเป็นจำนวนในหลักร้อย-หลักพันต่อปีถึงแม้ว่าเจ้านี้จะดูน่ากลัวพวกมันก็ไม่สามารถรอดพ้นความละโมบและอาวุธของมนุษย์ไปได้จระเข้แม่น้ำไนล์นั้นถูกมนุษย์ล่าเพื่อเอาหนังจนจำนวนในปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 250,000-500,000 ตัว
ปลาชะโด

ปลาชะโดมีความยาวได้ถึง 1 เมตรพวกมันกินสัตว์มีกระดูกสันหลังอย่างกบและปลาเป็นอาหารแต่อย่างไรก็ตามเจ้านี้จะเข้าโจมตีอะไรก็ตามที่เคลื่อนไหวได้ปลาชะโดนั้นสามารถขึ้นมาฮุบอากาศและสามารถมีชีวิตรอดนอกน้ำได้นานเป็นถึง 4 วันซึ่งทำให้พวกมันอยู่รอดได้นานขึ้นในหน้าแล้วโดยการฝังตัวในโคลนปลาชะโดนั้นเป็นปลารสเลิศและบางคนก็เลี้ยงเป็นปลาสวยงาม (จขกท. คนนึงล่ะ) ซึ่งเจ้านี้ก็มีชื่อเสียงในวงการไม่น้อยในเรื่องความดุ
 
เต่ามาทามาท่า 

เต่ามาทามาท่า (Chelus fimbriatus) คือเต่าน้ำจืดที่สามารถพบได้ในแม่น้ำอะเมซอนและโอริโนโค่ในทวีปอเมริกาใต้ เจ้าเต่าหน้าตาประหลาดนี้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่ในน้ำตื้นๆซึ่งมันสามารถโผล่หัวขึ้นมาหายใจได้ เต่ามาทามาท่ามีขนาดค่อนใหญ่ประมาณ 15 กก. พวกมันกินสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังและปลาเป็นอาหาร เจ้านี้ไม่เป็นอันตรายอยู่มนุษย์ถึงแม้ว่าจะมีหน้าตาขัดกันก็ตาม
 
ปลาบึก

ปลาบึกคือปลาน้ำจืดในตระกูลปลาดูกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกพวกมันมีขนาดถึง 3.2 เมตร, หนักถึง 300 กก.และ มีอายุยาวนานถึง 60 ปีในอดีตปลาบึกพบได้มากมายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แต่ในปัจจุบันพวกมันเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างมากเพราะมนุษย์ที่ไปทำลายถิ่นที่อยู่

 
แมงมุมระฆังดำน้ำ 

แมงมุมระฆังดำน้ำ (Argyroneta aquatica) คือแมงมุมสปีชีส์เดียวที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่ในน้ำ เจ้านี่ต้องหายใจเอาอากาศเพราะความที่เป็นแมงมุม แต่มันก็สามารถสร้างอากาศขึ้นมาเองได้โดยการสร้างฟองน้ำที่จะถูกแบกไปไหนมาไหนด้วยขนที่ขาและท้อง เจ้าแมงมุมนั้นจะต้องขึ้นสู่ผิวน้ำเป็นครั้งคราวเพื่อเติมอากาศ แมงมุมระฆังดำน้ำนั้นอาศัยอยู่ในยุโรปทางเหนือและตอนกลาง และเอเชียเหนือ ตัวผู้ในสปีชีส์นี้มีขนาดใหญ่กว่า (ปรกติแล้วแมงมุมตัวเมียจะมีขนาดใหญ่กว่า) การกัดของแมงมุมระฆังดำน้ำนั้นเจ็บปวดไม่เบาและทำให้เเหยื่อมีไข้
 
อะนาคอนด้า

อะนาคอนด้านั้นคือหนึ่งในงูขนาดใหญ่ที่สุดในโลกพวกมันอาศัยอยู่ตามแม่น้ำและพื้นที่แชะในอเมริกาใต้คำว่า “อะนาคอนด้า” นั้นมาจากคำในภาษาทมิฬ “อะนาอิโคยร่า” ซึ่งแปลว่านักฆ่าช้างเจ้างูนี้กินปลา, นก, สัตว์เลื้อยคลานอื่นๆ, และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเล็กเป็นอาหารแต่ในบางครั้งพวกมันก็อาจจะโผล่มากินปศุสัตว์หรือแม้แต่คนอะนาคอนด้านั้นเป็นงูที่ฆ่าเหยื่อด้วยการรัดและจะกินเหยื่อลงท้องทั้งตัว

 
กระเบนราหูน้ำจืด

กระเบนราหูน้ำจืดอาศัยอยู่ในแม่น้ำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย พวกมันสามารถยาวได้ถึง 5 เมตรและหนักถึง 600 กก. เจ้าปลานี้เป็นปลาที่คนไม่ค่อยรู้จักและก็หาได้ไม่ง่ายเพราะพวกมันมันมักจะฝังตัวอยู่ในพื้นแม่น้ำ กระเบนราหูน้ำจืดกินหอยและปูเป็นอาหาร ซึ่งพวกมันก็ล่าโดยการตรวจจับกระแสไฟฟ้าที่เหยื่อปล่อยออกมา เมื่อโดนรบกวน เจ้านี้จะใช้หนามตรงหางที่เต็มไปด้วยพิษเป็นอาวุธ ซึ่งหนามนี้ยาวได้ถึง 38 ซม.

 
ปลาแวมไพร์ 

ปลาแวมไพร์หรือพายารา (Hydrolycus scomberoides) คือปลานักล่ากินเนื้อที่คนไม่ค่อยรู้จักซึ่งอาศัยอยู่ในแม่น้ำอะเมซอนและแม่น้ำโอริโนโค่ พวกมันกินปลาขนาดเล็กกว่า โดยเฉพาะปิรันย่าเป็นอาหาร ซึ่งเจ้านี้จะล่าเหยื่อด้วยการใช้ฟันแหลมๆที่สามารถยาวได้ถึง 15 ซม.แทง

 
แคนดีรู

แคนดีรูนั้นคือปลาดุกพาราไซส์ในวงศ์ Trichomycteridaeพวกมันกินเหงือกของปลาขนาดใหญ่กว่าเป็นอาหาร เจ้าปลาตัวกระจิ๋วนี้คงเป็นปลาที่คนกลัวกันมาที่สุด...เพราะอะไรน่ะหรอ???...เพราะเจ้านี้ชอบว่ายมากับปัสสาวะน่ะสิ...แล้วมันน่ากลัวอย่างไรล่ะ???...ลองสมมุติว่าคุณ (ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย) ลงเล่นน้ำในถิ่นเจ้าแคนดีรูและเกิดอยากปล่อยขึ้นมา ปัสสาวะของคุณนั้นจะดึงดูดเจ้านี่เข้ามาและมันก็จะว่ายตรงเข้าสู่รูปล่อยปัสสาวะนั่นแหละ ถ้าเจ้านี้มุดเข้ารูของคุณ คุณก็มี 3 ทางเลือกก็คือ (1) ดึงมันออกและตายจากการเวียเลือดเพราะกระดูกสันหลังของเจ้านี้โค้งไปด้านหลังซึ่งทำให้ครูดไปกับผนังรูของคุณ (2) ปล่อยไว้อย่างนั้นและเสี่ยงกับความตายจากการติดเชื้อเพราะหลังจากที่คุณออกจากน้ำ เจ้าปลานี้ก็จะตาย (แหมก็มันเป็นปลาที่ต้องอาศัยในน้ำนี่เนาะ) หรือ (3) ไปผ่าออก ซึ่งวิธีการนี้ก็คงจะเจ็บไม่น้อยสำหรับคุณผู้ชาย

สัญลักษณ์สื่อรัก


Pic_148501
กุหลาบ ดอกไม้สื่อความรักที่นิยมกันในบ้านเรา.

เผลอแป๊บเดียว พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรักแล้วนะคะ น่าจะเป็นวันแห่งความสุขของคู่รักหลายๆคู่ แต่ก่อนที่จะ "แฮปปี้ เอนดิ้ง" กันได้ บางท่านก็อาจจะปวดหัวเสียก่อน เพราะไม่รู้ จะหาของขวัญ หรือการแสดงออกอะไรให้แก่คนรักดี ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียล โดยทีมงานต่วย'ตูน ก็เลยอยากจะขอพาแฟนานุแฟนไปพบกับสัญลักษณ์ ต่างๆที่เกี่ยวกับความรัก เผื่อจะเป็นไอเดียให้ได้นำไปใช้ หรือเล่าให้คนรักฟัง เพื่อเป็นการเติม "ความหวาน" ให้ชีวิตรัก

 
นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของปีนี้แล้ว กระต่ายยังเป็นตัวแทนแห่งรักด้วย.
นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของปีนี้แล้ว กระต่ายยังเป็นตัวแทนแห่งรักด้วย.

และเนื่องด้วยปีนี้เป็นปีเถาะ สัญลักษณ์แห่งความรักสิ่งแรกที่ขอนำเสนอก็คือ "กระต่าย" ใช่แล้วค่ะ เจ้าตัวขนปุกปุยนั่นแหละ ในความเชื่อของญี่ปุ่น กระต่ายเป็นสัตว์สำคัญในฐานะบริวารผู้ส่งสารของเทพแห่งความรัก โอคูนินูชิ โนะ มิโกโตะ แต่หากว่ากันตามตำนานแล้ว ก็ยากจะบอกได้ว่า องค์ท่านเทพเอง หรือเจ้ากระต่ายน้อยกันแน่ ที่มีอานุภาพมากกว่ากัน เพราะตามปกรณัมญี่ปุ่นนั้น เดิมทีองค์เทพเป็นเจ้าชายของเมืองหนึ่ง ที่ต้องบุกบ่าฝ่าฟันกว่าจะได้ครองคู่กับคนรัก และระหว่างที่เดินทางเพื่อพิสูจน์รักแท้นั้น เจ้าชายได้เจอกระต่ายป่าบาดเจ็บ ด้วยความเป็นผู้มีน้ำพระทัย พระองค์จึงช่วยชีวิตเจ้ากระต่ายน้อยไว้ โดยไม่รู้เลยว่า ที่แท้ แล้ว น้องกระต่ายคือองค์เทพที่ปลอมตัวมา เพื่อทดสอบน้ำพระทัยของโอคูนินูชิ โนะ มิโกโตะ

ดังนั้น พอกระต่ายน้อยได้รับการช่วยเหลือ พระองค์ก็บันดาลพรให้เจ้าชายได้สมใจในรัก และในกาลต่อมา หลังจากครองรักกันจนถึงเวลาอันเหมาะสม องค์ชายก็ได้กลายเป็นเทพแห่งความรัก และการจับคู่ โดยภาพวาดหรือศาลเจ้าของพระองค์ จะมีการวาดภาพ หรือปั้นรูปปั้นกระต่ายน้อยเอาไว้เคียงคู่กับพระองค์เสมอ

 
เทพโอคูนินูชิ โนะ มิโกโตะ และกระต่ายนำสารรัก.
เทพโอคูนินูชิ โนะ มิโกโตะ และกระต่ายนำสารรัก.

ในความเชื่อเก่าแก่ของญี่ปุ่น กระต่ายก็เลยกลายเป็นบริวารของเทพแห่งความรัก และอาจจะเป็นเพราะกระต่ายเป็นสัตว์ที่ว่องไว วิ่งเร็ว ดังนั้น นอกจากจะเป็นบริวารที่คอยติดตามองค์เทพแล้ว ยังได้รับฐานะผู้ส่งสาร หรืออีกนัยหนึ่งคือ บุรุษไปรษณีย์ผู้นำส่งความรักจากใจสู่หนุ่มสาวเพื่อให้ได้ สมรส สมรักกันตามคำประทานพรขององค์เทพด้วย

นอกจากตำนานญี่ปุ่นแล้ว ความเชื่อในเอเชียอีกหลายๆแห่ง โดยเฉพาะในจีน กระต่ายก็เป็นสัตว์ที่มีความสำคัญในเชิงความรักด้วยเหมือนกัน เพราะตามปกติแล้ว กระต่ายเป็นสัตว์ที่แพร่พันธุ์เร็ว เรียกว่าลูกดก ออกลูกออกหลานเป็นว่าเล่น ทำให้มีผู้นิยมมอบกระต่าย หรือวาดภาพกระต่ายแก่หนุ่มสาว หรือบ่าวสาว เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักที่สมบูรณ์ หรือหากแต่งงานกันแล้ว ก็หมายถึงการที่จะได้มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมืองอย่างเจ้ากระต่าย

ในความเชื่อของเอเชีย กระต่ายจึงเป็นสัญลักษณ์ แห่งความรักอันสมบูรณ์มั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ ที่เป็นปีเถาะ ทำให้มีผู้นิยมมอบกระต่ายแก่กันและกันเป็นจำนวนมากมาตั้งแต่ต้นปี และในโอกาสเทศกาลแห่งความรัก หากยังคิดอะไรไม่ออก การมอบกระต่ายแก่คนรัก ก็อาจจะเป็นการสื่อสารที่ดี เพราะนอกจากจะหมายถึงความรักที่สมบูรณ์ อย่างที่ว่าแล้ว ยังเป็นการบอกรัก ในฐานะที่เจ้ากระต่ายเป็นผู้ส่งสารรักขององค์เทพด้วย

นอกจากกระต่าย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แรกที่หยิบยกมาเล่าสู่กันฟังแล้ว ขอไปต่อถึงสัญลักษณ์แห่งความรักที่เป็นสากล รู้กันไปทั่วโลก นั่นคือ รูปหัวใจ ที่ใครๆก็วาดเป็น นั่นคือ วาดเส้นโค้งสวยๆ 2 เส้นมาบรรจบกัน ซึ่งบางคนก็มีความเชื่อว่า หากจะให้ รักสมหวัง เวลาวาดหัวใจจะต้องลากเส้นครั้งเดียวให้เป็นรูปหัวใจสมบูรณ์ แต่แฟนานุแฟนจะเชื่อหรือเปล่าว่า ดั้งเดิมแล้ว สัญลักษณ์รูปหัวใจที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นสัญลักษณ์แห่ง "ความตาย" มาก่อน!!

หลายท่านอาจจะเคยสงสัยว่า ทำไมรูปหัวใจต้องมีลักษณะเป็นแบบนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่า รูปลักษณ์ที่เราคุ้นตานี้ เป็นรูปลักษณ์ที่เลียนแบบมาจากใบไอวี่ ที่มีรูปร่างคล้ายภาพหัวใจที่เราวาดกันอยู่ในปัจจุบัน

 
ใบของเถาไอวี่ สัญลักษณ์แห่งรักนิรันดร์.
ใบของเถาไอวี่ สัญลักษณ์แห่งรักนิรันดร์.

ตั้งแต่ยุคกรีกและโรมันมาแล้ว ที่ใบไอวี่เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นอมตะ เพราะไอวี่มีสีเขียวสดตลอดปี ไม่ว่าอากาศจะเป็นอย่างไร หรือไม่ว่าใบไม้อื่นจะเปลี่ยนไปเป็นสีไหน แต่ไอวี่ก็จะยังคงความเขียวสด และถูกผูกเข้ากับความรัก ความซื่อสัตย์ นอกจากนี้ การที่ไอวี่เป็นไม้เถาที่มักจะเลื้อยไปเกาะเกี่ยวสิ่งโน้นสิ่งนี้ก็ทำให้ ไอวี่ถูกมองว่า ไม่ว่าจะเลื้อยไปเกาะเกี่ยวกับสิ่งไหน ไอวี่ก็จะผูกพัน มันจึงเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อออกมาได้ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความซื่อสัตย์ภักดี ความผูกพันที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย ความเป็นอมตะ และเมื่อรวมๆทั้งหมดแล้ว ไอวี่คือ "รักนิรันดร์" นั่นเอง

ด้วยนัยนี้ ชาวโรมันโบราณจึงนิยมสลักหินจารึกหลุมศพเป็นรูปทรงแบบใบไอวี่ เพื่อบอกถึงรักนิรันดร์ที่มีต่อผู้วายชนม์ และในกาลต่อมา ชาวคริสเตียนก็นำความเชื่อนี้มาใช้ด้วย ทำให้หลุมศพของชาวคริสต์ในระยะแรกๆ หรือแม้แต่ปัจจุบันนี้ก็ตาม มักมีการสลักเป็นเถาไอวี่ หรือรูปทรงของใบไอวี่ เพื่อสื่อถึงรักที่ไม่จืดจางลง แม้คนรักจะด่วนล่วงหน้าไปอีกโลกหนึ่งก่อนก็ตามที แต่ไอวี่จะบอกเขาหรือเธอว่า คนที่เหลืออยู่ยังมีรักแท้ให้เสมอ

ศิลปินในยุคใหม่ได้ประยุกต์ความเชื่อเรื่องใบไอวี่นี้ และนำรูปลักษณ์ของไอวี่มาใช้ แต่เปลี่ยนสีเขียวสดให้ถูกระบายด้วยสีแดง จนในระยะหลังๆ เราถึงได้เห็นภาพหัวใจสีแดงแบบที่คุ้นตากันในทุกวันนี้ นั่นเพราะเกิดจากการนำสัญลักษณ์แห่งรักนิรันดร์ และสีแดง อันเป็นสีที่มักจะสื่อถึงความรัก เพราะเป็นสีของเลือดมารวมกัน และกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่มีคนรู้จักกันมากที่สุดในโลก ที่เห็นเมื่อไหร่ก็พอจะแปลออกได้ว่า ฉันรักเธอ ดังนั้น การให้ภาพ หรือการ์ดอวยพรรูปหัวใจ ก็เป็นการสื่อง่ายๆถึงความรัก แต่ หากคุณได้โอกาสบอกคนที่คุณรักด้วยว่า หัวใจจากใบไอวี่นี้ ไม่ได้หมายถึงเพียงคำว่ารักคำเดียว แต่หมายถึง "รักนิรันดร์" ด้วยแล้ว ก็เชื่อได้ว่า ความหวานในวันแห่งความรักของคุณจะหวานมากยิ่งขึ้น

 
รูปหัวใจที่พัฒนามาจากใบไอวี่.
รูปหัวใจที่พัฒนามาจากใบไอวี่.

แล้วก็ขอต่อด้วยสัญลักษณ์ง่ายๆอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือ ดอกกุหลาบ มีตำนานเล่าว่า ในสมัยก่อนโน้น...น...กุหลาบยังไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ของความรัก แต่แรกเริ่มเดิมที กุหลาบซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีหนามแหลม ได้รับเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ ของชัยชนะก่อน แต่ในเวลาต่อมา เมื่อมนุษย์เราพบความจริงที่ว่า รักแท้ชนะได้ทุกสิ่ง ก็ทำให้กุหลาบกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักไปด้วย

ในช่วงที่ดอกกุหลาบได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ แห่งความรักนี่เอง ทำให้มันได้กลายเป็นดอกไม้ประจำ พระองค์ของวีนัส เทวีแห่งความรักด้วย ก็เลยมีการสร้างตำนานกันมาในระยะหลังๆว่า กุหลาบเกิดจากโลหิตของวีนัสที่ถูกหนามแหลมบาดแล้วหยดลงพื้นบ้าง หรือบางตำนานก็บอกว่า เกิดจากน้ำตาของวีนัสที่ร่ำไห้ให้กับการสิ้นชีพของอดอนิส หนุ่มรูปงามที่นางหลงรัก แต่ไม่ว่าจะเกิดมาอย่างไร กุหลาบก็กลายเป็นดอกไม้ที่แยกไม่ออกจากวีนัส และกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรักตลอดเวลากว่าพันปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกุหลาบแดง ที่ถือว่าแดงด้วยเลือดรักของพระนาง

เล่าไปทางตะวันตกเยอะแล้ว ขอกลับมาทางตะวันออกบ้าง แต่จะว่าไปก็เป็นเรื่องคล้ายๆกับตะวันตก นั่นคือ เรื่องของเทพแห่งความรัก ที่ฝั่งเอเชียเรามีพระกามเทพ ส่วนฝรั่งมีคิวปิด ซึ่งไม่รู้ว่าใครจะลอกใครมา แต่ท้าวเธอทั้งสองใช้กลเม็ดเดียวกันในการทำให้ผู้คนรักกัน นั่นคือ แผลงศรรักไปปักอก แต่ทำมั้ย...ทำไม...ถูกศรปักอกแล้วถึงไม่ตาย แถมยังเกิดอารมณ์รักอีกต่างหาก นั่นก็เพราะว่า ศรของพระกามเทพนั้น ไม่ได้เป็นศรทั่วๆไป แต่เป็นศรที่เกิดจากต้นอ้อย ส่วนสายคันศรเกิดจากผึ้งจำนวนมาก ที่โบยบินมาเรียงต่อตัวกันจนกลายเป็นสายศร ส่วนลูกศรนั้นเล่า เป็นบุษปศร คือมีปลายเป็นดอกไม้ เพราะอย่างนี้ไงคะ ไม่ว่าจะเล็งศรไปปักใครถึงได้ไม่เจ็บ ไม่ปวด แต่กลับจะรัญจวนใจด้วยถูกความรักปักทรวงเข้า

 
ผึ้งและน้ำผึ้งเป็นสัญลักษณ์ของรักที่หอมหวาน.
ผึ้งและน้ำผึ้งเป็นสัญลักษณ์ของรักที่หอมหวาน.

ดังนั้น ผึ้งจึงเป็นอีกหนึ่งในสัญลักษณ์ของความรักอันแสนหวาน หากคิดอะไรไม่ออก ส่งการ์ดรูปผึ้งให้คนรักของคุณ แล้วบอกไปด้วยว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งการบอกรัก เป็นสายศรรักของพระกามเทพผู้บันดาลรักแก่ มนุษย์ทุกผู้คน แล้วจะไม่หวานได้ยังไงล่ะคะ

แน่นอนว่า พอ มีผึ้งก็ต้องมีน้ำผึ้ง ความเชื่อทั้งทางตะวัน ออกและตะวันตก ถือว่าน้ำผึ้งเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ จึงอาจหมายถึงรักแท้ได้ด้วย ก็เลยไม่แปลกที่ในสมัยก่อนโน้น เวลามีการแต่งงานก็จะทำเครื่องดื่มจากน้ำผึ้ง เช่น อาจจะเป็นน้ำผึ้งล้วน หรือเหล้าที่หมักบ่มจากน้ำผึ้งให้บ่าวสาวได้ดื่มกันเป็นเวลา 1 เดือนหลังพิธีวิวาห์ จนเป็นที่มาของคำว่าฮันนีมูน หรือการดื่มน้ำผึ้ง 1 เดือน ซึ่งนอกจากจะบอกถึงความรักบริสุทธิ์เหมือนน้ำผึ้งแล้ว ยังถือเป็น "ยาโด๊ป" ที่จะได้มีลูกกันเร็วๆด้วย แต่รวมๆแล้ว ผึ้งและน้ำผึ้งล้วนแต่เป็นสัญลักษณ์ ของรักแท้

 
เจ้าหมาน้อยคือตัวแทนของรักที่ซื่อสัตย์.
เจ้าหมาน้อยคือตัวแทนของรักที่ซื่อสัตย์.

สัญลักษณ์แห่งรักอีกอย่างที่อยากนำมาเล่า คือ สุนัข...ใช่แล้วค่ะ น้องหมานั่นแหละ แฟนานุแฟนอาจ จะบอกว่าบ้าไปแล้วหรือเปล่า หมาจะเป็นสัญลักษณ์ แห่งรักได้อย่างไร ก็ต้องฟันธงโป๊ะเชะว่า เป็น และเป็นอย่างมั่นคงด้วย เพราะเจ้าหมาน้อยหมาใหญ่นั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ค่ะ การมอบเจ้าหมาน้อย หรือการ์ดรูปสุนัขน่ารักๆให้คนรักในวันแห่งความรัก จึงเป็นการแสดงออกที่บอกว่า ฉันรักเธอแน่แท้ด้วยใจเดียวนั่นเอง

และก่อนจะจากกันไป ขอทิ้งท้ายไว้กับสัญลักษณ์แห่งรักอีกอย่างเดียวเป็นอย่างสุดท้าย นั่นคือ แหวน ซึ่งแหวนที่เป็นสัญลักษณ์แห่งรักได้ดีที่สุด ต้องเป็นแหวนที่วงกลมเกลี้ยงที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีสะดุด ไม่มีรอยต่อ หรือไม่มีร่องใดๆ

ผู้หญิงเรา..ต้องการแค่นี้เอ๊งงงง....


แฟนไม่ต้องหล่อ   มากมายไร ขอแค่นี้แหละพอแล้ว

  
แหวนเพชรธรรมดาๆ สักวง  

งานแต่งงานเล็กๆ  

  

ฮันนีมูนตามฐานะ   
 
บ้านหลังเล็กๆ พอมีบริเวณให้ลูกวิ่งเล่นได้   
 

ลูกน่ารักๆ   
  
สามีเป็นแฟมิลี่แมน  
แต่ก็ทำงานนอกบ้านอย่างขยันขันแข็ง  


รถเล็กไปจ่ายตลาดสักคัน  
  
รถรับส่งลูกไปโรงเรียน   
 
ของสะสมมีคุณค่าทางใจ   
  
  
รองเท้าที่เข้ากาลเทศะ   
 
แต่งตัวบ้าง ใครจะเลี้ยงลูกโทรมๆอยู่กะบ้าน  

 

บำรุงผิวนิดนึงจะได้หน้าไม่เหี่ยว  

แต่งหน้าเล็กน้อย เอาใจสามี  

  
เที่ยวต่างประเทศปีละครั้ง  
เที่ยวในประเทศบ่อยหน่อย  
แอบลูกไปดินเนอร์บ้าง  
ของขวัญตามเทศกาล  

 
ให้รางวัลตัวเองนิดนึง   

 

สุดท้าย ของนอกกายแต่มีไว้ก็อุ่นใจ   
 

 
แต่ในชีวิตจริง

สามีสุดหล่อ(ยังไม่เสร็จ)   

 
  
แหวนเพชรก็ไม่มี  
ฮันนีมูนก็ง่ายๆ  
 
บ้านอยู่สบาย เพื่อนเยอะแยะ
  
  
ลูกอารมณ์ดี
  
สามีขยัน
  
รถเล็กๆซักคัน
  
ของสะสมเต็มบ้าน
  
รองเท้าเข้าทุกสถานการณ์

ชุดสวยเย้ายวนอยู่บ้าน

เครื่องสำอางชั้นเลิศ

ท่องเที่ยวแบบบรรเจิด

ดินเนอร์เลิศรส
  
ของนอกกายที่มีไว้อุ่นใจ