วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556


10 อันดับอสูรกายใต้ทะเล



Click the image to open in full size.
อันดับ10 ปลาหิน
 เป็นปลาที่ พรางตัวได้อย่างดีเยี่ยมบนพื้นทราย มองดูเหมือนก้อนหินที่ถูกปะการังปกคลุม แถมมันยังเป็นปลามีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก พิษของมันอยู่ที่หนามบนตัว มันไม่ออกล่าหรือจู่โจม แต่หากเหยื่อไปแตะต้องถูกตัวมัน จะได้รับพิษของมันทันที ว่ากันว่า หากคุณถูกพิษของมัน จะต้องได้รับความเจ็บปวดมากที่สุดเท่าที่จะสามารถเจ็ บได้ จากนั้นจะเป็นอัมพาต และตายในที่สุด
************************************************** *******
 
Click the image to open in full size.
อันดับ 9ซีลาแคนท์
 เป็นปลาโบราณ ที่เคยถูกคิดว่าสูญพันธุ์ไปตั้งแต่ 400 ล้านปีก่อนแล้ว แต่แล้วก็ถูกค้นพบอีกครั้งในปี 1938 ถูกตั้งฉายาว่า “ปลาที่ถูกกาลเวลาลืม”
************************************************** *******
 
Click the image to open in full size.
อันดับ8
ปลาทะเลน้ำลึกชนิดนี้ นับเป็นนักล่าที่ค่อนข้างพิลึก ด้วยลักษณะลำตัวผอม ๆ หัวโต และฟันใหญ่แหลมคม แต่ทั้งตัวก็มีความยาวเพียง 15 เซนติเมตร มันหลอกล่อเหยื่อด้วยแสงไฟจากส่วนที่ยื่นออกมาใต้คาง
************************************************** *******
 
Click the image to open in full size.
อันดับ7 ปลาหมึกวงฟ้า
จะมีขนาดใหญ่ประมาณลูกกอล์ฟเท่านั้น แต่มันสามารถปล่อยพิษร้ายแรงที่สามารถฆ่ามนุษย์ได้ และยังไม่มียารักษาได้ ซึ่งพิษของมันนั้นร้ายแรงกว่าพิษงูเห่าถึง 20 เท่า ติดอันดับต้น ๆ ของสัตว์ทะเลที่มีพิษร้ายแรงที่สุดด้วย(แบบนี้สิเล็ก พริกขี ้ประหมึก
************************************************** *******
 
Click the image to open in full size.
อันดับ 6 เจ้าปลาหน้าตาน่าเกลียดตัวนี้ แม้จะดูเหมือนสัตว์ประหลาด แต่ก็มีความยาวเพียงประมาณ 6 นิ้วเท่านั้น และมีศีรษะใหญ่ ฟันยาว เป็นความโชคดีที่คุณคงจะไม่เจอมันง่าย ๆ หรอก เพราะมันอาศัยอยู่ในน้ำลึกประมาณ 5,000 เมตร
************************************************** *******
 
Click the image to open in full size.
อันดับ 5 แอร๊ยปลาวาฬ
วาฬเพชฌฆาต ค่อนข้างเป็นสัตว์หน้าตาดี ดูน่ารัก แต่มันเป็นนักฆ่าที่**มโหด ร้ายสมชื่อ และมีการโจมตีที่มีประสิทธิภาพมาก มันกินเนื้อปลา แมวน้ำ แม้กระทั่งฉลาม ก็เป็นเหยื่อของมันเช่นกัน ขนาดของวาฬเพชฌฆาตนี้ ตัวผู้มีความยาวได้ถึง 9 เมตร ส่วนตัวเมียเล็กกว่าคือ 7 เมตร แต่นั่นก็ถือว่าใหญ่โตพอที่จะเขมือบอะไร ๆ ก็ได้
************************************************** *******
 
Click the image to open in full size. 

อันดับ4ปลาแองเกลอ
เป็นหนึ่งในปลาที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวที่สุด แถมยังอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุด นั่นคือ มันอยู่ในความมืดใต้ทะเลลึก เป็นปลาตระกูลเดียวกับปลาปีศาจครีบพัด แต่สิ่งที่โดดเด่นกว่าคือ มีหงอนที่มีแสงติดอยู่ที่หัว เอาไว้ล่อเหยื่อในที่มืด ปลาชนิดนี้ตัวไม่ใหญ่เท่าไหร่ ตัวเมียมีขนาดประมาณ 25 เซนติเมตร (ไม่รวมหนวด) ส่วนตัวผู้ยาวแค่ 1.27 เซนติเมตร เรื่องที่น่าสยองนิด ๆ คือ เมื่อตัวผู้เจอตัวเมียมันจะใช้ปากเกาะกินเลือดตัวเมี ย จนนานเข้ามันจะเสียความสามารถในการมองเห็น และถูกหลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งของตัวเมีย

************************************************** *******
Click the image to open in full size.
อันดับ 3ปูยักษ์
 ขนาดใหญ่สุดวัดความยาวได้ถึง 1.5 เมตร และหนักถึง 10 กิโลกรัม ลักษณะน่าเกรงขามเหมือนแมงมุมยักษ์แห่งท้องทะเลเลยที เดียว
************************************************** *******
 
Click the image to open in full size.
อันดับ 2วาฬ Click the image to open in full size.
วาฬชนิดนี้ เป็นพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาวาฬทั้งหลาย ตัวโตเต็มวัยสามารถมีความยาวได้มากกว่า 18 เมตร และหนักได้ถึง 28 ตัน ลักษณะเด่นของมันคือส่วนหัวจะใหญ่มาก มีความยาวเกือบ 40% ของความยาวตลอดตัว เป็นวาฬที่สามารถดำน้ำได้ลึกที่สุด
************************************************** *******
 
Click the image to open in full size.
อันดับ 1 หมึกยัก
คงเคยได้ยินตำนานปลาหมึกปีศาจแห่งน่านน้ำแถบมหาสมุทร แปซิฟิกกันมาบ้าง และเจ้าหมึกยักษ์นี้เป็นตำนานที่มีชีวิตจริงเสียด้วย ซึ่งอาจมีขนาดตัวโตได้มากกว่า 18 เมตร หนักได้มากกว่า 900 กิโลกรัม เมื่ออยู่ในทะเล หนวดยาว ๆ ที่มีปุ่มดูดของมันสามารถขึ้นมาพันม้วนจมเรือได้ทั้ง ลำอย่างง่ายดาย

วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผักชนิดต่างๆ

LEGUMES :เลกึมผัก
ailไอยกระเทียม
aromatesอาโรมัทข่า,กระชาย
aubergineโอแบจีน(เนอ)มะเขือ
basilicบาสิลิคใบโหระพา
cacahuèteแคคาเว็ทถั่วลิสง
cajouแคจูวเม็ดมะม่วงหิมพานต์
cannelleแคเน็ลอบเชย
cassaveแคสซาบ(เวอะ)มันสำปะหลัง
célériเซเลอลิขึ้นช่าย
champignon de parisชอมปิยองเดอปาริเห็ดกระดุม,เห็ดปารีส
champignon noirชอมปิยองนัว(ค)เห็ดหูหนู
chouชูกะหล่ำปลี
chou friséชูฟริเซ่ะคะน้า
chou-fleurชูเฟลอ(ค)กะหล่ำดอก
choux chinoisชูชินัวผักกาดขาว
citronnelleซิโทรเนลตะไคร้
citrouilleซิทูย(เยอ)ฟักทอง
coriandreโคริยองเดอผักชี(ไทย)
échaloteเอะชาลอตหัวหอมแดง
épinardเอพินา(ค)ผักขม
germe de sojaแจมเดอโซจาถั่วงอก
gingembreจังจอมเบลอขิง
gourdeกวด(เดอ)ฟัก,น้ำเต้า
gourde amèreกวด(เดอ)อะแม(ค)มะระ
graine de lotusแกรนด์เดอโลตุสเม็ดบัว
haricotอาริโคถั่วฝักยาว
ignameอิเนียมมันเทศ
laitueเลททวูผักกาดหอม
laurierโลริเย่ใบกระวาน
maïsไม(ซ)ข้าวโพด
mentheม็องท์ใบสะระแหน่
navetนาเวะผักกาด
oignonโอน(นิ)ยงหัวหอม
persilแปร์ซิลผักชีฝรั่ง
petit pimentเพอทิพีม็องพริกขี้หนู
pimentพีม็องพริก
poireauพัวโฮะต้นหอม
poisพัวถั่ว
poivronพัววงพริกหยวก
pomme de terreพอมเดอแท(ค)มันฝรั่ง
pousse de bambouพูสเดอบอมบูหน่อไม้
radis chinoisราดิชินัวหัวไชเท้า
sojaโซจาถั่วเหลือง
taroทาโฮเผือก
tomateโทมัทมะเขือเทศ
 
 
 
 

มาเรียนภาษาฝรั่งเศสกัน








สวัสดีครับ ทุกท่านที่เปิดเข้ามาอ่าน ถ้าท่านอยากเรียนภาษาฝรั่งเศสละก็
ลองมาเริ่มต้นแบบง่ายๆกันก่อนมั้ยครับ?


เอาล่ะเมื่อพร้อมก็มาเริ่มกันเลย



เริ่มต้นด้วยการทักทาย


ไทย คุณสบายดีเหรอครับ/ค่ะ

ฝรั่งเศส comment alez-vous?(กอมัง ตาเล-วู?)


ส่วนคำนี้ ใช้ได้กับคนที่สนิทกันแล้ว

comment ca va?(กอมัง ซา วา)



ไทย สบายดี ขอบคุณ แล้วคุณล่ะ?

ฝรั่งเศส Trér bien merci, Et vous? ( แตร เบียง แมร์ซิ, เอวู?)



ไทย สวัสดีคุณ......(ใสชื่อคนที่คุณต้องการที่เป็นผู้ชาย)

ฝรั่งเศส Bonjour, Moniseur .........(บองชูร์ เมอสิเออร์.....)


วลา มีคนถามว่า คุณสบายดีมั้ย เราจะ ตอบได้ หลายประโยคด้วยกันครับ


ไทย สบายดีหรือคุณ

ฝรั่งเศส Comment allez -vous?(กอมัง ตาเล- วู)


ไทย ฉันสบายดี ขอบคุณ

ฝรั่งเศส Je vais bien, merci.(เชอ แว เบียง แมร์ซิ)









อันนี้คือการนับเลข 1-10 นะครับ

un  deux  trois  quatre  cinq   six   sept   huit  neuf  dix
เอิง เดอ    ทรัว   กั๊ตท    แซง   ซิส   เซต   อวี๊ท  เนิฟ   ดิส


ตัวอักษร

L'Alphabet Français
a อา   b เบ   c เซ   d เด   e เออ   f แอฟ
g เช   h อาช   i อี    j ชี   k กา    l แอล
m แอม   n แอน   o โอ   p เป   q ควี   r แอร์
s แอส   t เต   u อ-ยู   v เว   w ดูเบิ้ล เว   x อิ๊กซ์
y อีแกลก  z แซด

คำอ่านตัวอักษรนะครับ มันจะอ่านคล้ายๆกับอังกฤษ แต่ว่าจะมีสำเนียงบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน
สระ    a,e,i,o,u,y อ่านเหมือนกับตัวอักษร แต่จะมีตัวเพิ่มอีกหลายตัว ยกตัวอย่างเช่น  é [เอ]   è [แอ]
*คำที่ลงท้ายด้วย er   อ่านออกเสียงว่า เอ จะเป็นกริยา
                        en  อ่านออกเสียงว่า ออง จะเป็นกริยา
เช่น penser   (ปอง-เซ่)  = คิดถึง
       écouter (เอ-ควู-เต) = ฟัง
       enfant   (ออง-ฟอง) = เด็กๆ
       aimer    (แอม-เม่)   = รัก





แถมอีกนิดไม่ว่ากันนะครับ เป็นคำพูดสั้นๆ

สวัสดี           Bonjour               บอง ชูร์
ขอบคุณ        Merci                   แม ซิ
ขอโทษ        Pardon                 ปาร์ค ดอง
ได้โปรด        S'll vous plait        ซิล วู เปล
กี่โมงแล้ว     Quelle heure est il/  แกล เลอร์ เอ ติล
อยู่ที่ไหน      Ou est…?               อู เอ...
ลาก่อน        Au revoir               โอ เครอะ วัว





ไวน์ประเทศฝรั่งเศส


 
ประเทศ ฝรั่งเศส นับว่าเป็นประเทศที่มีการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงและจำนวนมากที่สุด ทั้งนี้เพราะประเทศฝรั่งเศสมีพื้นที่ที่แบ่งออกเป็นอาณาเขตจำนวนมากที่มีการ ปลูกองุ่น ซึ่งแต่ละเขตก็จะมีการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงและคุณภาพแตกต่างกันออกไป พื้นที่ของประเทศฝรั่งเศสที่แบ่งออกเป็นอาณาเขต ๆ ที่มีการปลูกองุ่นและมีการผลิตไวน์ ได้แก่

- อาณาเขตบอร์โด (Bordeaux)

เป็น อาณาเขตที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ที่มีพื้นที่กว้างมากใช้ปลูกองุ่นและมีการผลิตไวน์ ซึ่งไวน์ที่ผลิตจากอาณาเขตบอร์โดนี้มีชื่อเสียงมากกว่า 2,000 ปีแล้ว ไวน์ที่ผลิตในอาณาเขตนี้ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ ไวน์ชนิดคลาเร็ท (Claret) หมายถึง ไวน์แดง (Red Wine) ที่ผลิตในเมืองบอร์โดเท่านั้น ส่วนไวน์แดงที่ผลิตในอาณาเขตบอร์โดที่ผลิตจากเมืองอื่น ๆ ไม่ใช่เมืองบอร์โด เราเรียกว่า ไวน์บอร์โด

เนื่อง จากอาณาเขตบอร์โดเป็นอาณาเขตที่มีพื้นที่กว้างมากจึงเป็นสาเหตุให้อาณาเขต บอร์โดถูกแบ่งออกเป็นเขตย่อย ๆ ลงไปอีก 5 เขตใหญ่ ๆ และกับอีก 3 เขตที่มีพื้นที่น้อยกว่า 5 เขตแรก คือ



เขตที่ 1 เขตเมด็อก (Médoc)

เป็น เขตที่อยู่ทางตอนเหนือของอาณาเขตบอร์โด ไวน์ที่ผลิตในเขตนี้ที่มีชื่อเสียงเป็นไวน์แดง ซึ่งในเขตนี้มีบริเวณที่ผลิตไวน์แดงที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงมากมี อยู่ 4 บริเวณ คือ บริเวณโปอีลัก (Pauillac), บริเวณแซงยือเหลียง (ST.Juluien), บริเวณมาโก (Margaux) และบริเวณแซงเอสเทฟ (ST.Estephe) ไวน์แดงที่มีชื่อเสียงของเขตนี้ได้แก่


1. ชาโต ลาฟีท (Châteua Lafite)

2. ชาโต ลาตรู (Châteua Latour)

3. ชาโต มาโก (Châteua Margaux)

4. ชาโต มูตง (Châteua Mouton)

5. ชาโต พาลเมร์ (Châteua Palmer)



เขตที่ 2 เขตกราว (Graves)

เขต นี้เป็นเขตที่มีความสำคัญรองจากเขตที่หนึ่งเป็นเขตที่อยู่ทางตะวันตกตอนใต้ ของเขตเมด็อก สำหรับไวน์ที่มีการผลิตในเขตนี้นั้นมีทั้งไวน์แดง และไวน์ขาว แต่ไวน์ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากที่ผลิตในเขตนั้นจะเป็นไวน์ขาว ซึ่งไวน์ขาวที่ผลิตในเขตนี้จะถูกเรียกว่า กราวไวน์ และคุณลักษณะของไวน์ที่ผลิตในเขตนั้จะมีคุณลักษณะที่ใกล้เคียงกับไวน์ที่ ผลิตในเขตเมด็อกมาก สำหรับบริเวณในเขตนี้ที่มีการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงมีอยู่ประมาณ 3 บริเวณ คือ บริเวณแปซัค (Pessac), บริเวณเลอ๊อกน็อง (L?ognan) และบริเวณมาร์ตีลัก (Martillac) ไวน์แดงและไวน์ขาวที่ผลิตในเขตนี้และมีคุณภาพชื่อเสียงดีได้แก่

1. ชาโต บุลโก (Châteua Bouscaut)

2. ชาโต โอ เบยี (Châteua Haut – Bailly)

3. ชาโต ลาตูร์ โอ บรีออง (Châteua Latour – Haut – Brion)

4. ชาโต ป๊อบ เคลม็อง (Châteua Pape Cl?ment)

5. ชาโต ลาตูร์ มาร์ตัลัก (Châteua Latour – Martillac)

เขตที่ 3 เขตโซแตร์น (Sauternes)

เป็นเขตที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเขต Graves และมีบริเวณที่มีการปลูกองุ่นและผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงถึง 5 บริเวณด้วยกันคือ บริเวณโซแตร์น (Sauternes), บริเวณบอมม์ (Bommes), บริเวณฟักเกอร์ (Fargues), บริเวณบาร์ซัค (Barsac) และบริเวณเพลออิยัค (Preignac) ไวน์ ที่ผลิตในเขตนี้ที่มีชื่อเสียงมากเป็นไวน์ขาว และไวน์ขาวที่ผลิตในเขตนี้ถือว่าเป็นไวน์ขาวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดจนได้ รับสมญานามว่า คิง ออฟ ไวต์ ไวน์ (King of White Wine) ไวน์ ที่ผลิตในเขตนี้มีคุณลักษณะรสชาติหวานและเป็นไวน์ที่มีรสชาติหวานกว่าไวน์ ที่ผลิตจากเขตอื่น ๆ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว สำหรับไวน์ที่มีชื่อเสียงที่ผลิตในเขตนี้ ได้แก่

1. ชาโต ดีเคม (Châteua D’Yquem)

2. ชาโต ลาตูร์ บล็อง (Châteua La Tour Blanche)

3. ชาโต คูเต (Châteua Coutet)

4. ชาโต กุยโร (Châteua Guiraud)

5. ชาโต เรียแซก (Châteua Rieussec)

6. ชาโต ลาโมท (Châteua Lamothe)

7. ชาโต เนแร็ค (Châteua Nairac)

8. ชาโต ซูคุยโร (Châteua Suduiraut)

เขตที่ 4 – 5 เขตแซงเออร์มิริอง – เขตปอมรอล (ST.Emilion – Pomerol)

เขต สองเขตนี้อยู่ใกล้กันมาก และเป็นเขตที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเขตบอร์โด เขตทั้งสองนี้มีการผลิตไวน์แดงที่มีชื่อ และเป็นไวน์แดงที่มีลักษณะรสชาติแรงพอสมควร สำหรับไวน์ของทั้งสองเขตนี้ที่มีชื่อเสียง ได้แก่

ไวน์เขตแซงเออร์มิริอง

1. ชาโต โอซ็อง (Châteua Ausone)

2. ชาโต คาน็อง (Châteua Canon)

3. ชาโต เวอวาล บรอง (Châteua Cheval Blanc)

4. ชาโต คูเต (Châteua Coutet)

5. ชาโต เลอ คูวอง (Châteua Le Couvent)

ไวน์เขตปอมรอล

1. ชาโต เพทรูส (Châteua Pètrus)

2. ชาโต ลา เฟลอร์ (Châteua Lafleur)

3. ชาโต ลา ปวง (Châteua Lapointe)

4. ชาโต ลาตูร์ ปอมรอล (Châteua Latour – Pomerol)

5. ชาโต เปอติ วีลาซ (Châteua Petit – Village)

- อาณาเขตเบอร์กันดี (Burgundy)

เป็น อาณาเขตหนึ่งที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมีการผลิตไวน์สำหรับเขตที่อยู่ในอาณาเขตนี้ที่มีการปลูกองุ่นและมีการ ผลิตไวน์นั้นมีอยู่ประมาณ 4 เขตด้วยกัน แต่เขตที่มีการผลิตไวน์ได้ดีที่สุดนั้นก็คือ เขตทรูเบอร์กันดี (True Burgundy) ซึ่งทุกวันนี้รู้จักกันในชื่อเขตโก๊ตดอร์ (Côte D’Or) และเขตนี้จะประกอบด้วยบริเวณสองบริเวณด้วยกันคือ บริเวณโก๊จ เดอ นุย (Côte De Nuits) และบริเวณโก๊ต เดอ โบน (Côte De Beaune)

สำหรับ ไวน์ที่ผลิตจากเขตโก๊ตดอร์ บริเวณโก๊ตดอร์ เอด นุย นั้นจะเป็นไวน์ที่มีลักษณะรสชาติเข้มข้น และมีกลิ่นขององุ่นมาก จะต้องเก็บไว้ให้นานก่อนที่จะนำมาดื่มได้ ส่วนไวน์ที่ผลิตจากบริเวณโก๊ต เดอ โบน นั้นจะมีลักษณะตรงกันข้ามคือ จะมีลักษณะรสชาติไม่เข้มข้นมาก และมีกลิ่นองุ่นหอม เป็นไวน์ที่ไม่ต้องเก้ฐไว้นานนักก่อนที่จะนำมาดื่ม ไวน์ที่ผลิตจากเขตโก๊ตดอร์นี้มักจะถูกเรียกชื่อตามชื่อของบริเวณที่ทำการ ผลิต ไวน์ที่ผลิตในเขตโก๊ตดอร์ที่มีชื่อได้แก่

1. โรมาเน กงตี (Romanèe – Conti)

2. โกล เอด วูชัว (Clos De Vougeot)

3. โกล เดอ แตร์ (Clos De Tart)

4. วอลเนย์ (Volnay)

5. เล มูซินิก (Les Musigny)

6. โกล เด ลอมแบร์ (Clos Des Lambray)

7. เล แซง ชอกเชอร์ (Les Saint Georges)

8. เลอ กอร์ตอง (Le Corton)

9. โกล ดู รัว (Clos Du Roi)

10. เล รูเชียง บาส (Les Rugiens – Bas)

ใน อาณาเขตเบอร์กันดี จอกจากจะมีเขตโก๊ตดอร์ที่มีการปลูกองุ่นและทำการผลิตไวน์ ยังมีอีกเขตหนึ่งที่มีการปลูกองุ่นและผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงมากก็คือ เขตชาบลี (Chablis) เป็น เขตที่มีการผลิตไวน์และไวน์ที่ผลิตจากเขตนี้มักถูกเรียกชื่อตามบริเวณที่มี การไวน์ชนิดนี้ ไวน์ที่ผลิตจากเขตชาบลีนั้นจะมีคุณลักษณะเฉพาะตัวคือ มีรสชาติจืด นุ่ม และมีสีลักษณะสีทอง สำหรับไวน์ที่ผลิตขากเขตชาบลีที่มีชื่อเสียงมากได้แก่

1. เล โกล (Les Clos)

2. โวเดซีล์ (Vaudésir)

3. วาลมูร์ (Valmur)

4. บรองโช (Blanchots)

5. บูโกส (Bougros)

การจัดลำดับชั้นของไวน์ฝรั่งเศส


ไวน์ฝรั่งเศสทั้งแดง ขาว และโรเซ่ ไวน์ประเภทมีฟอง หรือ ประเภทหวานมาก,หวานน้อย,ไม่หวาน, ดราย
มีระดับแอลกอฮอล์ต่างๆ ตั้งแต่ 8–14 ดีกรี และสูงกว่า ทุกชนิดจัดแบ่งตามมาตรฐาน คุณภาพโดยทางการฝรั่งเศสแบ่งออกเป็น 4 ระดับ คือ



1. Appellation d’ Origine Controlee – AOC (อัปเปอลาซิยง ดอริจิ้น กงโทลเล่)

ไวน์ ผลิตภายใต้การควบคุมคุณภาพมาตรฐานกรรมวิธีการผลิตอย่างเข้มงวดกวดขัน ละเอียดถี่ถ้วน รวมไปถึงการควบคุมสายพันธุ์องุ่น การปลูก ปริมาณการผลิต ทำเล และขนาดของไร่องุ่น ฯลฯ โดยกฎหมายและทางการฝรั่งเศส ตลอดจนองค์กรอื่นๆ เช่น Institute National des Appellation d’ Origine – NAO สถาบันแห่งชาติ ทำการควบคุมดูแลตรวจสอบขั้นตอนต่างๆ และคุณภาพไวน์อย่างจริงจังอย่างต่อเนื่อง เพราะฝรั่งเศส ถือว่าอุตสาหกรรมไวน์ และไวน์ฝรั่งเศสทุกขนานเป็นภูมิฐาน ความมีศักดิ์ศรี ความหยิ่งผยอง ทรนง ความภาคภูมิใจของชาติที่เป็นเครื่องเชิดหน้าชูตา อันสง่างาม เป็นตัวแทนของประเทศสมกับที่ได้รับการยกย่อง สรรเสริญได้รับความไว้วางใจ ได้รับความนิยมชมชอบจากชาวโลกผู้รักไวน์ทั้งหลายเสมอมา



2. Vin Delimite de Qualite Superieure – VDQS (แว็ง เดอลิมิตเต้ เดอ กาลิเต้ ซุปเปริเยอร์)

ไวน์ผลิตภายใต้การควบคุมกฎเกณฑ์กรรมวิธีการผลิตให้ได้มาตรฐานคุณภาพตามที่ทางการฝรั่งเศสกำหนดเข้มงวดกว่า Vin de Pays ระดับหนึ่ง



3. Vin de Pays (แว็ง เดอ เปอี)

ไวน์ระดับคุณภาพมาตรฐานถูกควบคุมโดยทางการฝรั่งเศส แต่ไม่เข้มงวดมากนัก มีการควบคุมแหล่งผลิต ทำเล และขนาดของไร่องุ่น Origin ตลอดจนมารตรฐานคุณภาพขั้นพื้นฐาน Basic Quality ของไวน์นั้นอย่างไม่เป็นทางการ ระบบการควบคุมที่ยืดหยุ่นนี้ เปิดโอกาสให้ชาวไร่องุ่น Growers สามารถทำการทดลองผลิตไวน์นานาชนิด รสชาติแปลกใหม่ด้วยการผสมองุ่นสายพันธุ์ต่างๆ ในอัตราส่วนไม่ซ้ำซ้อน ด้วยกรรมวิธีใหม่ๆ ออกสู่ตลาดได้อย่างอิสระ เพื่อคนรักไวน์จะได้มีโอกาสได้ลิ้มชิมรสไวน์ ที่น่าตื่นเต้นขนานแปลกๆ ใหม่ๆ อยู่เสมอ ไวน์ระดับนี้มีคุณภาพมาตรฐานสูงกว่า Vin de Table ชนิดตั้งโต๊ะ และไวน์คุณภาพดีบางตัวจากระดับนี้ อาจจะมีโอกาสได้ขึ้นชั้นมาอยู่ในระดับ AOC ได้ด้วย


4. Vin de Table (แว็ง เดอ ตาบเบลอ)

ไวน์ระดับคุณภาพต่ำใช้ดื่มแทนน้ำ ประเภทตั้งโต๊ะ ไม่มีการควบคุมมาตรฐานโดยทางการ แต่อย่างไรชาวไร่องุ่น Growers และเจ้าของโรงงานผลิตไวน์ Winery สามารถผลิตไวน์นี้ออกมาอย่างอิสระ







แหล่งอ้างอิง :

** http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?passTo=87db919dee5c32048d0653ef362e7733&pageid=43&bookID=1038&read=true&count=true

** http://www.sema.go.th/files/Content/Social/k4/0007/046vin2.htm
http://www.thaigoodview.com/node/44404?page=0%2